วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

H.W. Gold Price 16/12/11

หลังจากปัญหาหนี้ยุโรปที่มีทีท่าว่าจะไม่คลี่คลายทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าปัญหาหนี้ครั้งนี้จะบานปลายและทำให้เกิดวิกฤตไปทั่วโลก ทำให้ราคาทองผันผวนอย่างหนัก ราคาทองลงรูดวันเดียว 850 บาท จากราคาราว 25,000 บาทลงมาต่ำกว่า 24,000 บาท(ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 23,700 บาท)ผนวกกับเงินดอลล่าที่แข็งค่าขึ้นโดยมีนักวิเคราะห์บางท่านให้เหตุผลว่านักลงทุนโยกเงินไปถือพันธบัตรเพื่อความมั่นคงที่มากกว่า ...อันนี้ก็ว่ากันไป 

โดยส่วนตัวผมเหตุผลแน่ชัดที่ทำให้ราคารูดลงมา ผมว่าการเล่นทองช่วงนี้ต้องใช้ technical และกราฟเข้ามาจับ และเล่นโดยการเก็งกำไรระยะสั้นๆ มีจุด cut loss ที่ชัดเจน ไม่งั้นอาจจะเจ็บหนัก ^^ 


Day Graph: ถ้าดูจากกราฟรายวันค่อนข่างน่าสนใจ และได้แสดงสัญญาณอะไรหลายอย่าง ราคาของทองได้มีการทะลุแนวรับมาแล้วแทบจะทุกแนว(หมายเลข 1 และ 2) เรามาดูกันที่แนวรับต่อไป ถ้าราคาลงไปทดสอบที่หมายเลข 3 หรือที่ราคา 1500 usd/oz หรือราวๆ 22,400 บาท ถ้าราคาไม่หลุดลงไปต่ำกว่านี้ก็อาจจะมีการเด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 usd/oz หรือราวๆ 23,840 บาท ... อันนี้บางคนอาจจะไปรอรับที่ราคาใกล้ๆ 1500 usd/oz. อาจจะซื้อตอนราคากำลังเด้งขึ้นแล้วไปขายที่ใกล้ๆ 1600 usd/oz. ก็น่าสนใจไม่น้อย



Week Graph: จากภาพราคาทองยังอยู่ในขาขึ้น เนื่องจากราคายังวิ่งอยู่เหนือเส้น 90(เส้นสีน้ำตาล) แต่ที่น่าสังเกตคือแท่งราคาล่าสุดมันรูดลงมาเยอะจิงๆ ^^ อันนี้ก็รอดูกันต่อไป ยาวๆ



Month Graph: จากภาพราคาทองยังอยู่ในขาขึ้นนะครับ แต่อย่าลืมว่า ยิ่งภาพใหญ่เท่าไหร่ สัญญาณที่แสดงให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงยิ่งต้องใช้เวลานานมากกว่าภาพเล็ก แต่ในเรื่องของความผันผวน ก็จะน้อยกว่าเช่นกัน

indicator อื่นๆ [ MacD  ที่ผมใช้จากกราฟราย day และ week ยังอยู่ต่ำกว่า 0 แสดงว่าในระยะสั้นแนวโน้มของราคาทองยังอยู่ในช่วยขาลง แต่เมื่อประกอบกับ RSI ทั้งสองกราฟอยู่ที่ราว 30-40 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ... ตอนนี้ก็คงต้องรอดูสัญญาณกันต่อไป ว่าจะมีจุดไหนที่แสดงให้เห็นการปรับตัวหรือไม่ ]

ถ้าฟังจากข่าว นักวิเคราะห์หลายๆ สำนักยังคงมั่นใจว่า ราคาทองในปี 2555 ยังมีโอกาสที่จะวิ่งขึ้นไปอีก และอาจทำราคาทะลุ high เดิมที่ 1860 usd/oz. หรือราวๆ 27,000 บาท แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องของอนาคตไม่มีใครที่คาดเดาได้แม่นยำ ... ดังนั้นที่เราควรรู้คือ  Asset ทุกอย่างมี cycle เมื่อมีขึ้นก็ต้องมีลง ทองคำก็เช่นกัน ณ ปัจจุบันทองได้ขึ้นไปมาก มากเกินคนก็แห่กันเก็งกำไร ราคาสูงขึ้นๆๆๆ พอถึงจุดๆ หนึ่งเมื่อคนเลิกเก็งกำไร หรือมี Asset อื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ราคาทองคำย่อมถูกเทขายและกลับมาอยู่ในจุดที่สะท้อนมูลค่าของมันจริงๆ ^^


ป.ล. ถึงเวลานั้น อย่าลืมตัดใจ ตัดขาดทุนด้วยล่ะ 


วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แนวคิดการลงทุนเล็กๆ สำหรับมือใหม่


เห็นหลายๆ คนพอเข้าตลาดหุ้นเมื่อถามว่าเป้าหมายคืออะไร ... คำตอบส่วนใหญ่คืออยากได้ผลตอบแทนชนะดอกเบี้ยธนาคาร หรืออย่างน้อยๆ สัก 10% ต่อปีก็ดีใจละ ... อาจเพราะยังใหม่ และไม่อยากตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป คนกว่าครึ่งรวมถึงผมด้วยคิดแบบนี้จริงๆ

มาดูกัน ณ ตอนนี้หุ้นไทยทรงตัวอยู่ 800-1000 จุด


ถ้าผมมองว่าภาพใหญ่ Asian Miracle 2 กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้ามองสัญญาณจากยุโรป อเมริกา ที่มีปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้โดยไว ไม่แปลกที่เงินลงทุนย่อมโอนย้ายถ่ายเทจากฝั่งยุโรปมาทางเอเชีย (ถ้านับจากปี 40 เป็นต้นมานี่ก็จะ 15 ปีแล้ว << Asian Miracle 1) ถ้าผมมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสทะลุ 1700 จุดหรือ high เดิมภายใน 5-10 ปีนี้ ดังนั้นก็จะมีโอกาสที่หุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาเหมาะสม ราคาอาจจะขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อวันนั้นมาถึง





สมมติผมลงทุน 100,000 บาทถือหุ้นที่ปันผลเฉลี่ย 8% แน่นอนทุกปีและลงทุนแบบทบต้น ถ้าหากไม่นับรวมการเติบโตของราคา ผมจะได้ผลตอบแทนที่ 5 ปีคือ 100,000*(1.08)^5 = 146,932 บาทหรือกำไร 46,932 บาท

และถ้าหุ้นตัวนั้นวิ่งตามดัชนีของหุ้นไทยขึ้นไป สมมติราคาเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว(จากราคา 100 บาทก็เป็น 200 บาท) จากเงินลงทุนของผม 100,000 บาทก็จะกลายเป็น 200,000 บาท เมื่อนำมาคิดรวมกับดอกเบี้ยที่ทบต้นจากเงินปันผลที่ได้จากหุ้น

สรุปแล้ว ลงทุน 5 ปี พอร์ทของผมอาจจะโตเท่ากับ 246,932 บาท ถ้าหักเงินลงทุน ก็เท่ากับว่าผมได้ผลตอบแทนปีละ 29.4%

ป.ล. ถ้าคิดเหมือนเดิมสมมติหุ้นราคาจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวใน 10 ปี ผมก็ยังได้ผลตอบแทนถึง 21.6%

* นี่เป็นเพียงแนวทางเล็กๆ ที่อยากแชร์ ประเด็นคือระยะเวลา 5 ปี คุณจะถือได้หรือป่าว ลองถือดูเล่นๆ สักปีเพื่อพิสูจน์ตนเองและสร้างความมั่นใจ ผมเชื่อว่าผลตอบแทนเบื้องต้นที่กล่าวมาอาจการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำที่น่าสนใจเลยทีเดียว ^^

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิกฤต กับ ชีวิต และ ตลาดหุ้น



ในชีวิตคนเราแต่ละคนมักเกิดวิกฤต อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะสอบตก ตกงาน อกหัก รักคุด ล้มเหลว หนักบ้าง เบาบ้างเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อวิกฤตผ่านไปย่อมมีสิ่งดีๆ ตามมาเสมอ ทั้งได้งานใหม่ ถูกหวย ร่ำรวย พบรัก แต่คนมักไม่ค่อยใส่ใจนัก เนื่องจากความต้องการของมนุษย์ไม่มีคำว่าสิ้นสุด

เช่นเดียวกับตลาดหุ้น ย่อมมีวันที่เกิดวิกฤตทั้ง ต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ ต่างๆ นาๆ แต่หลังจากนั้นมักพบว่าหุ้นจะวิ่งกลับมาจุดเดิมที่มันเคยเป็นหรือมากกว่า ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง

เมื่อพบวิกฤตในตลาดหุ้น สิ่งที่ควรทำคือรักษาต้นทุนให้ได้มากที่สุด เรียนรู้และจดจำสิ่งที่เกิดในตลาด รอจังหวะที่วิกฤตเริ่มคลี่คลายแล้วกลับมาเริ่มลงทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่งต่อไป 

เช่นเดียวกับในชีวิตคนเรา เมื่อเกิดวิกฤต ผิดหวัง ล้มเหลว อย่าเพิ่งใจร้อนรีบหุนหัน เอาคืน โดยใช้แต่อารมณ์ แต่กลับต้องเรียนรู้สิ่งที่เราทำผิดพลาดให้มากที่สุด เพื่อที่จะไม่พลาดซ้ำสอง และก้าวเดินต่อไป เพื่อจุดหมายในชีวิตที่กำลังมาถึง  ...


วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ว้าว!!! ทองลงมาแว้ว ซื้อดีไหม

วันนี้เป็นวันศุกร์ปลายเดือน ทีจริงผมกำลังจะเขียนเล่มวิทยานิพนธ์ของผมที่กำลังศึกษาอยู่ แต่พอดีมีเพื่อนมาถามว่า "กูจะซื้อทองดีป่าววะ" ตั้งแต่วันจันทร์ จนถึงวันนี้ ก็ยังมีคนถาม ซ้ำๆๆ ทั้งที่ส่วนตัวตอนนี้ไม่ได้สนใจจะซื้อทองเรยแม้แต่น้อย ... (-.-")

ก็เรยมานั่งดูกราฟ ว่าเอ .... มันซื้อตอนนี้ไหมหนอ ... เหตุที่เพื่อนๆ ผมสนใจเรื่องทองกันมาก คงเพราะเพื่อนๆ ผม เค้าเคยไปเที่ยวดอยภูเขาทองตั้งแต่ตอนเดือนสิงหาคม(ประมาณ 1800 US/oz. ราวๆ ใกล้ๆ 27,000บาท) แล้วถือกันมาสักพักเพิ่งกล้าขายขาดทุน หรือบางคนกำไรนิดหน่อยเมือตอนต้นเดือน พฤศจิกายน(ราคาประมาน 1750 US/oz.ราวๆ 25,800 บาท)  สงสัยหลายคนคง อยากเอาคืน!!!

งั้นผมจะดูแต่กราฟ week และกราฟ day ละกัน เพราะเพื่อนผมส่วนใหญ่ เค้าคงไม่ถือระยะยาว เน้นกำไรสั้นๆ มากกว่า (โดยส่วนตัวก็ไม่สนับสนุนให้ถือยาวหรอกคับ)



ดูจากสัญญาณหลายๆ ตัว ในภาพใหญ่รายสัปดาห์ ดูจากกราฟจะเห็นได้ว่าเป็น ขาขึ้นชัดเจนครับ แต่ราคาโดยรวมอยู่ที่ระดับปลานกลางไม่มีสัญญาณซื้อหรือสัญญาณขายชัดเจน นั่นแสดงว่า ราคาโดยเฉลี่ยน่าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น แต่ในระยะสั้น ...ก็ต้องไปดูกราฟรายวันต่อไป


ถ้ามองจากกราฟรายวันนะครับ
  • ราคา ณ จุดนี้แตะ BB ล่าง (BB คือเส้นขอบสีแดงที่ลากครอบแท่งราคามีทั้งบนและล่าง) สามารถเป็นสัญญาณตัวหนึ่งที่แสดงสัญญาณซื้อตัวแรก
  • ดู RSI ประกอบถือว่า RSI อยู่ในระดับต่ำที่ 25 ณ จุดนี้เป็นสัญญาณซื้ออีกตัวยหนึ่ง 
  • ในด้านของ Stochatic %K %D กำลังทำท่าจะตัดขึ้นที่บริเวณ 20% กว่าๆ ณจุดนี้ สามารถซื้อได้ครับ
  • แต่ในตัว MACD ที่ผมใช้ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ ณ ตอนนี้ไม่ได้แสดงสัญญาณซื้อที่ชัดเจนครับ
สรุปนะครับ ถ้าเพื่อนๆ ผม หรือใครคิดจะเก็งกำไรระยะสั้น สามารถทำได้นะครับ แต่ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ต้องการกำไรเท่าไหร่ (ส่วนตัวคิดว่าที่ 500-1000 บาทยังพอไหวอยู่)

* แต่ที่ต้องระวัง อยากให้ทุกคนมีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่เสียไม่ได้นะครับ ถ้าดูจากราคา low ช่วงสั้นๆ คราวที่แล้วนะครับ ก็แนะนำให้ตัดขาดทุนที่ ราคา 1625 US/oz. หรือประมาณ 24,000 บาท หรืออีกจุดหนึ่งก็คืดที่ราคา  1600 US/oz.หรือประมาณ 23,500 บาท ...

ป.ล.  นี่เป็นแค่มุมมองส่วนตัว เพราะเพื่อนผมหลายคนทำท่าว่าจะซื้อทองแน่นอน ผมเลยอยากแชร์มุมมอง ให้เอาไว้ประกอบการตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องเชื่อนะครับ เพราะผมมือใหม่ " ตลาดผันผวนอย่างนี้ ... ราคาขึ้นๆ ลงๆ วันละหลายร้อย ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียนะ เพราะผมไม่ได้เล่นทอง"

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทำการบ้านเรื่องทอง (08/11/2011)

วันนี้เป็นวันที่ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอีกวัน หลังจากการแถลงข่าวเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของประเทศฝั่งยุโรป
ณ ปัจจุบันราคาทองวิ่งไปที่ 1790 US/oz หรือประมาณ 26,000 บาท เพื่อนๆ ผมหลายๆ คนคงใจชื้นเพราะเหล่าติดดอยทองที่ราคาประมาณ 26,000-27,000 บาทซะส่วนใหญ่ แระเมื่อราคาดีดขึ้นก็จะมีคำถามว่าขายเรยดีป่าววะ? ซื้อดีไหม ? และคนนึงที่ถามผมก็คือ "กิต ซื้อทองดีไม๊ลูก เห็นคอโล่งๆ" แม่ผมเองแหละคับที่ถาม ผมก็เลยมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทองจะขึ้นต่อไหม ...? จากนั้นก็ลองมาเปิดกราฟ ใช้เทคนิคที่ได้ลองอ่านๆ จากูรูที่โพสไว้ เอามาประยุกต์ใช้ตามความเข้าใจของตัวเอง ^^

มาดูกราฟ day จะเห็นว่าราคาแตะที่ BB บน แต่ยังไม่ทะลุ ส่วน EMA 7(สีฟ้า) กับ 14(สีเขียว) ยืนเหนือเส้น EMA 75(สีส้ม) แสดงว่าราคายังมีโอกาสขึ้นอยู่ แต่จะนานแค่ไหนล่ะ ... อันนี้ไม่รู้ รู้ก็รวยแร้วเนอะ แม่นกว่าหมอดูอีก ... มาดูสัญญาณอื่นๆ กันต่อดีกว่า

ตอนแรกผมมองว่าหลังจาก EMA ตัดขึ้นแล้วจะลงต่อ ... เดาผิด ยอมรับตรงๆ T-T เนื่องจากผมเห็นราคามันดิ่งลงหนักๆ ปลายเดือนตุลา บวกกับ %K ตัดกับ %D  ที่บริเวณ 90 ผมเรยคิดว่ามันจะลงซะนี่ ที่ไหนได้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน พอทางยุโรปออกมาให้ข่าว ราคาก็พุ่งเอาๆ เป็นพันบาทอย่างที่เห็น  ... ทำให้รู้ว่า มันอยู่ที่ประสบการณ์จิงๆ ค่อยๆ ฝึกฝนกันไป


สรุปถ้าดูจากกราฟ day ผมว่าทองยังขึ้นอยู่นะ แต่จากที่เห็น มันก็อยู่ในจุดที่สูงแล้วถึงอาจจะไม่สูงสุด แต่ไงมีขึ้นก็ต้องมีลงเนอะ ทั้งนี้เนื่องจากคนที่เค้าเฝ้าคอย ติดดอยมานาน ได้ถึงจุด cut loss ของเค้า หรือถึงจุดที่บางคนขายทำกำไรรอบสั้นๆ ราคามันจึงต้องลงเป็นเรื่องปกติเนอะ ลงเท่าไหร่ ... ผมไม่รู้ ... ไว้ลองไปถาม "ริว จิตสัมผัส" แหะๆ^^

งั้นเรามาดูภาพใหญ่ขึ้นมาหน่อยดีกว่า เป็นกราฟ week ละกัน ดูว่า trend ของทอง ที่พี่ๆ น้องๆ กำลังฮิตเป็นอย่างไร ... จากกราฟ รายสัปดาห์เส้น EMA 7 กับ 14 ยังยืนเหนือเส้น 75 อันนี้ขาขึ้นชัดเจนเนอะ รวมถึงMACD ที่มีการงอตัวกลับ ทำท่าจะตัด EMA 14 ขึ้น นี่น่าสนใจ อีกทั้ง RSI อยู่ในระดับต่ำที่ 38 อันนี้ยังไปได้ต่อๆ



สุดท้ายผมมีกราฟเตือนสติสำหรับขาทอง กราฟนี้ยืมพี่ๆ กูรูเค้ามานะ จะเห็ฯได้ว่า เส้นสีดำ เป็นเส้นของราคาทองที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน ทองได้ทำ new high แร้วเนอะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าทองจะขึ้นต่อไปอีกเท่าไร แต่ที่แน่ๆ ตราบใดที่ปัญหาหนี้สินของทางฝรั่งยังไม่คลี่คลาย และแบงค์ดอลลาร์ รวมถึงค่าเงินฝั่งยุโรปยังเป็นแบงค์กงเต๊กเหมือนทุกวันนี้ จะทำให้เงินยิ่งลดมูลค่าตัวเองลงไปทุกวันๆ หรือเงินเฟ้อนั่นเอง ถ้าดูเส้น สีแดง  พี่เค้าใจดีบวกค่าเงินเฟ้อไปให้ด้วย.... แสดงว่า ทองอาจมีความเป็นไปได้ที่จะพุ่งไปถึงใกล้ๆ 2400 us โอ้วววววว ตีเป็นเงินไทย ก็คงราวๆ 35,000 บาทแหน่ะๆๆๆ แต่มีใครกล้าฟันธงป่ะล่ะคับ ว่าจะไปถึงจุดนั้นจิงๆ 


แต่สิ่งที่ผมเชื่ออย่างคือ "ประวัติศาสตร์มันมักจะซ้ำรอยเสมอ" ถ้าเราดูในปี 1980 จะเห็นว่า หลังจากที่ราคาทองวิ่งไป peak สุดๆ ที่ 850 us ละมันก็เกิดถล่มลงมา ...  หลังจากถล่มแล้วไงล่ะ ... ดูสิคับ มันนิ่งยาวๆๆๆ มา 20 ปี ... ถ้าการติดดอยครั้งนั้น ใช้เวลา 20 ปี เราคงกลายเป็นชาวเขาโดยสมบูรณ์เนอะ ^^

ฉะนั้นที่อยากฝาก ไม่ว่าจะหุ้น ทอง หรือการลงทุนทรัพย์สินอื่นๆ เป็นสิ่งที่ดีครับ ดีกว่าฝากธนาคารอย่างเดียว เพราะนั่นแสดงว่าเงินคุณในแบงค์กำลังลดมูลค่าลงในทุกๆ ปี (ปัจจุบันเงินเฟ้อแซงหน้าดอกเบี้ยธนาคารอย่างเห็นได้ชัด) แต่การลงทุน ก็คือการลงทุนครับ ย่อมมีความเสี่ยง ... แต่ความเสี่ยงคงไม่ได้อยู่ที่สินทรัพย์นั้นๆ แต่คงอยู่ที่ตัวนักลงทุนเอง ...เพราะเมื่อคุณเห็นราคามันวิ่ง คนทั่วไปแห่กันเข้ามาในตลาด นั่นแสดงว่า ราคา ณ ตอนนั้น คงไม่ถูกแล้วล่ะคับ จิงป่ะตามหลักอุปสงค์ อุปทาน ... แต่วิธีลดความเสี่ยงก็คือการศึกษา หาข้อมูล ไม่ใช่เล่นตามเหล่ากูรูบอก ... เพราะคุณคงไม่ได้ซื้อที่ราคาเท่ากูรูเหล่านั้นเป็นแน่ ถึงซื้อเท่า ก็ไม่รุขายตอนไหน ดังนั้นขอให้ทุกคนที่สนใจการลงทุน ทำตามโฆษณาที่ได้ยินกันบ่อยๆ เถอะครับ
"การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน" แล้วทุกคนจะโชคดี ^^

(ความเห็นส่วนตัวนะคับ ผิดพลาดประการใดโปรดช่วยชี้แนะ)

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โอกาส ใน วิกฤต


จากรูปเป็นกราฟของ set วันที่ 3 ตุลาคม 2554 ซึ่่งหลังจากนั้น 1 วันได้แตะ low เป็นที่เรียบร้อย ถ้าดูจาก Technical ที่ผมเพิ่งฝึกดู(ผมเริ่มเล่นหุ้นได้ 2 เดือน ผิดพลาดประการใดโปรดอภัยมือใหม่หัดเทรด) ผมใช้ EMA 5,10,25,75 ในการดูเทรน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้ง 4 เส้นตัดกันลงหมดผมเรยสรุปจากเครือ่งมือที่ผมใช้ว่า ณ รอบของผม ขอย้ำ!!! เฉพาะของตัวผม มันอยู่ในขาลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นข่าวก็จัดการประโคมอย่างหนักหน่วยถึงวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ บ้างก็ว่าต้นเหตุมาจากประเทศกรีซ โดยเฉพาะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใน Facebook ต่างออกมาโอดครวญถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่ากูรูต่างๆ ที่บอกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ภาพใหญ่เศรษฐกิจบ้านเรายังอยู่ในขาขึ้น ต่างโดนสาปแช่ง รุมประนามจากเหล่าสาวกที่ขาดทุนในระยะสั้นจากการที่เฝ้าเกาะ Page ของเหล่ากูรูเพื่อหวังจะได้คำใบ้จากเหล่าผู้รู้ไปซื้อหุ้นเพื่อเกร็งกำไร (ไม่ต่างอะไรกับการไปทำบุญแล้วขอเลขเด็ดหลวงพ่อตัวสองตัว หึๆๆ)

คำถามคือ เมื่อเกิดวิกฤต... แล้วกิจการที่เราซื้อมันแย่จริงหรือ?  คำตอบคือ ไม่รู้!!! ก็ผมไม่รู้ว่าคุณซื้อหุ้นตัวไหน คุณซื้อหุ้นพื้นฐาน หรือหุ้นปั่น (เอาจิงๆ ผมก็รู้จักหุ้นอยู่ไม่กี่ตัว ศึกษาจริงๆ ไม่ถึง 10 ตัวด้วยซ้ำ) ดังนั้นผมเลยหยิบยกพื้นฐานของหุ้นที่ผมดูอยู่เอามาเตือนตัวเองดีกว่า ว่าแท้จริงแล้วที่ราคามันหล่นฮวบๆๆ มันเป็นเพราะกิจการมันแย่จริงๆ หรือ เป็นวิกฤตด้านราคาในช่วงสั้นๆ


  • จากตารางจะเห็นว่า สัดส่วนทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ถือว่าใกล้เคียกัน 
  • แต่เมื่อดูจากรายได้สุทธิ(ปัจจุบันไตรมาส 2) รายได้ถือว่าเกินครึ่งของปีก่อนหน้า 
  • แต่เมื่อมาดูที่กำไรสุทธิเกือบจะเรียกได้ว่ามากที่สุดในไตรมาส 2 
  • %ROE ถือว่ายังโอเครเรยนะคับนั่น 21.8%
  • มาดูราคาล่าสุดใกล้จะเท่าปี 50 และ 52 แต่ผลประกอบการดีกว่า
  • P/BV หุ้นตัวนี้สังเกตว่าไม่เกิน 1 แสดงว่าซื้อต่ำกว่าเจ้า (ผมยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมไม่เกิน 1)
  • P/E อยู่ที่ 3.6 อันนี้น่าสนใจ ... ถ้ากิจการยังโอเค ถือต่อไป 3 ปีกว่าๆ ก็ได้คืนละ ^^   
  • มาดูที่เงินปันผล 5.85 ถือว่าโอเครนะเมื่อเทียบกับธนาคาร

อันนี้เป็นบทวิเคราะห์คร่าวๆ ของมือใหม่ ซึ่งไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ถ้าอ่านหนังสือสักเล่มก็คงจะวิเคราะห์ได้ หลายๆ คนก็คงใช้วิธีคร่าวๆ นี้เอาไปวิเคราะพื้นฐานของหุ้นตัวอื่นๆ ...ถามว่าผมจะเข้าซื้อตอนนี้เลยหรือไม่ ... ผมว่า มันก็ไม่แพงนะ และผมได้เพิ่้มเงินจำนวนหนึ่งเข้าไปในพอร์ต แต่ยังไม่ซื้อครับ สำหรับตัวผมยังคงรอ รอเวลาที่เหมาะสม เมื่อเทรนเริ่มเป็นขาขึ้นเมื่อไหร่ค่อยซื้อ ส่วนใครมีเทคนิคอย่างไรก็มาแชร์กันละกันครับ "ผมว่าเล่นหุ้นไม่มีใครถูกใครผิดหลอกนะ ติดดอยบ้าง ขายหมูบ้างจะเป็นไร วัดผลในรอบของตัวเองกำไรก็พอ ^^"

เคล็ดลับของผมในการซื้อหุ้น: "ถูกตัว ถูกเวลา ราคาเหมาะสม" ขอให้ทุกคนโชคดีคับ กินตังจากฝรั่งเยอะๆ ล่ะ ฝรั่งมันรวยแล้วอย่าเอาตังไปแจกมัน อิอิ


ป.ล. ผิดพลาดประการใดขออภัย มือใหม่หัดเทรด แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้คับ

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

เด็กตัวน้อยๆ เดินทางสู่ตลาดทุน

ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวน ยิ่งนั่งๆ ดู หลายคนแทบใจหายใจคว่ำ

   สำหรับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่กระโดดเข้ามาในตลาด พร้อมลงทุนกับหุ้นพื้นฐานตามแฟร์ชั่นซะหมดเงินเก็บ ... ส่วนตัวผมยังคงกอดไว้อย่างแนบแน่น(ท่องทุกวันเข้าอย่างไรต้องออกอย่างนั้น ... ตื่นเต้นดี) คิดว่าตลาดแบบนี้เป็นช่วงที่ดีที่ต้องศึกษา ไม่เพียงหุ้นพื้นฐาน แต่ศึกษาภาพรวมของตลาด โดยเราต้องจดเป้าหมายของการลงทุนแต่ละครั้ง ว่าเราต้องการอะไร

ครั้งนี้ผมเล่นเพราะผมต้องการเรียนรู้การลงทุนในหุ้น ผมเริ่มเล่นหุ้นด้วยเงินเพียงหลักหมื่น มีคนเคยถามว่า "เล่นแค่นี้แล้วเมื่อไหร่มึงจะรวย เสียเวลากูรอกูรวยแล้วค่อยเล่น" ... ผมกลับมองว่าเงินหลักหมื่นสำหรับการเรียนรู้ไม่แพงเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะเสียมันไปเพื่อแลกกับบทเรียนอันมีค่า^^ แต่ผิดกันกับหลายๆ คนที่เก็บเงินมาทั้งชีวิต จากนั้นเพื่อการบริหารเงินก้อนสุดท้ายจึงโดดเข้ามาในตลาดหุ้น และทุกคนลงทุนล้วนหวังกำไรทั้งสิ้น
แต่อนิจจา...สุดท้ายแล้วคนที่ชนะตลาดมีเพียงหยิบมือเดียว

สำหรับใครที่ต้องการเรียนรู้การลงทุน ผมจะแนะนำให้อ่านหนังสือ และถ้าอยากลองดู ให้ลองจากเงินน้อยๆ ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้รวย แต่จากสถิติ คนที่ชนะตลาดได้ ไม่มีใครที่ไม่เคยเจ๊ง ... ฉะนั้นถ้าคุณเรียนรู้กับความผิดพลาด สักวันผมเชื่อว่าคุณก็จะชนะตลาด ...  เพื่อเป็นการพิสูจน์กฏ 10,000 ชั่วโมง อีก 10 ปีข้างหน้า ผมหวังว่าจะชนะตลาดบ้าง ^^


ป.ล. "คนที่เสี่ยงที่สุด คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเสี่ยง ไม่ใช่คนที่พยายามชนะความเสี่ยง" แล้วคุณจะเอาเงินฝากธนาคาร เพื่อรับดอกเบี้ยปีละ 2% ทำไม ... ทั้งๆ ที่เงินเฟ้อจริงๆ ในปัจจุบันมันคือ 10% !!!