วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิกฤต กับ ชีวิต และ ตลาดหุ้น



ในชีวิตคนเราแต่ละคนมักเกิดวิกฤต อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะสอบตก ตกงาน อกหัก รักคุด ล้มเหลว หนักบ้าง เบาบ้างเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อวิกฤตผ่านไปย่อมมีสิ่งดีๆ ตามมาเสมอ ทั้งได้งานใหม่ ถูกหวย ร่ำรวย พบรัก แต่คนมักไม่ค่อยใส่ใจนัก เนื่องจากความต้องการของมนุษย์ไม่มีคำว่าสิ้นสุด

เช่นเดียวกับตลาดหุ้น ย่อมมีวันที่เกิดวิกฤตทั้ง ต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ ต่างๆ นาๆ แต่หลังจากนั้นมักพบว่าหุ้นจะวิ่งกลับมาจุดเดิมที่มันเคยเป็นหรือมากกว่า ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง

เมื่อพบวิกฤตในตลาดหุ้น สิ่งที่ควรทำคือรักษาต้นทุนให้ได้มากที่สุด เรียนรู้และจดจำสิ่งที่เกิดในตลาด รอจังหวะที่วิกฤตเริ่มคลี่คลายแล้วกลับมาเริ่มลงทุน เพื่อสร้างความมั่งคั่งต่อไป 

เช่นเดียวกับในชีวิตคนเรา เมื่อเกิดวิกฤต ผิดหวัง ล้มเหลว อย่าเพิ่งใจร้อนรีบหุนหัน เอาคืน โดยใช้แต่อารมณ์ แต่กลับต้องเรียนรู้สิ่งที่เราทำผิดพลาดให้มากที่สุด เพื่อที่จะไม่พลาดซ้ำสอง และก้าวเดินต่อไป เพื่อจุดหมายในชีวิตที่กำลังมาถึง  ...


วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ว้าว!!! ทองลงมาแว้ว ซื้อดีไหม

วันนี้เป็นวันศุกร์ปลายเดือน ทีจริงผมกำลังจะเขียนเล่มวิทยานิพนธ์ของผมที่กำลังศึกษาอยู่ แต่พอดีมีเพื่อนมาถามว่า "กูจะซื้อทองดีป่าววะ" ตั้งแต่วันจันทร์ จนถึงวันนี้ ก็ยังมีคนถาม ซ้ำๆๆ ทั้งที่ส่วนตัวตอนนี้ไม่ได้สนใจจะซื้อทองเรยแม้แต่น้อย ... (-.-")

ก็เรยมานั่งดูกราฟ ว่าเอ .... มันซื้อตอนนี้ไหมหนอ ... เหตุที่เพื่อนๆ ผมสนใจเรื่องทองกันมาก คงเพราะเพื่อนๆ ผม เค้าเคยไปเที่ยวดอยภูเขาทองตั้งแต่ตอนเดือนสิงหาคม(ประมาณ 1800 US/oz. ราวๆ ใกล้ๆ 27,000บาท) แล้วถือกันมาสักพักเพิ่งกล้าขายขาดทุน หรือบางคนกำไรนิดหน่อยเมือตอนต้นเดือน พฤศจิกายน(ราคาประมาน 1750 US/oz.ราวๆ 25,800 บาท)  สงสัยหลายคนคง อยากเอาคืน!!!

งั้นผมจะดูแต่กราฟ week และกราฟ day ละกัน เพราะเพื่อนผมส่วนใหญ่ เค้าคงไม่ถือระยะยาว เน้นกำไรสั้นๆ มากกว่า (โดยส่วนตัวก็ไม่สนับสนุนให้ถือยาวหรอกคับ)



ดูจากสัญญาณหลายๆ ตัว ในภาพใหญ่รายสัปดาห์ ดูจากกราฟจะเห็นได้ว่าเป็น ขาขึ้นชัดเจนครับ แต่ราคาโดยรวมอยู่ที่ระดับปลานกลางไม่มีสัญญาณซื้อหรือสัญญาณขายชัดเจน นั่นแสดงว่า ราคาโดยเฉลี่ยน่าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น แต่ในระยะสั้น ...ก็ต้องไปดูกราฟรายวันต่อไป


ถ้ามองจากกราฟรายวันนะครับ
  • ราคา ณ จุดนี้แตะ BB ล่าง (BB คือเส้นขอบสีแดงที่ลากครอบแท่งราคามีทั้งบนและล่าง) สามารถเป็นสัญญาณตัวหนึ่งที่แสดงสัญญาณซื้อตัวแรก
  • ดู RSI ประกอบถือว่า RSI อยู่ในระดับต่ำที่ 25 ณ จุดนี้เป็นสัญญาณซื้ออีกตัวยหนึ่ง 
  • ในด้านของ Stochatic %K %D กำลังทำท่าจะตัดขึ้นที่บริเวณ 20% กว่าๆ ณจุดนี้ สามารถซื้อได้ครับ
  • แต่ในตัว MACD ที่ผมใช้ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ ณ ตอนนี้ไม่ได้แสดงสัญญาณซื้อที่ชัดเจนครับ
สรุปนะครับ ถ้าเพื่อนๆ ผม หรือใครคิดจะเก็งกำไรระยะสั้น สามารถทำได้นะครับ แต่ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ต้องการกำไรเท่าไหร่ (ส่วนตัวคิดว่าที่ 500-1000 บาทยังพอไหวอยู่)

* แต่ที่ต้องระวัง อยากให้ทุกคนมีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่เสียไม่ได้นะครับ ถ้าดูจากราคา low ช่วงสั้นๆ คราวที่แล้วนะครับ ก็แนะนำให้ตัดขาดทุนที่ ราคา 1625 US/oz. หรือประมาณ 24,000 บาท หรืออีกจุดหนึ่งก็คืดที่ราคา  1600 US/oz.หรือประมาณ 23,500 บาท ...

ป.ล.  นี่เป็นแค่มุมมองส่วนตัว เพราะเพื่อนผมหลายคนทำท่าว่าจะซื้อทองแน่นอน ผมเลยอยากแชร์มุมมอง ให้เอาไว้ประกอบการตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องเชื่อนะครับ เพราะผมมือใหม่ " ตลาดผันผวนอย่างนี้ ... ราคาขึ้นๆ ลงๆ วันละหลายร้อย ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียนะ เพราะผมไม่ได้เล่นทอง"

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทำการบ้านเรื่องทอง (08/11/2011)

วันนี้เป็นวันที่ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอีกวัน หลังจากการแถลงข่าวเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของประเทศฝั่งยุโรป
ณ ปัจจุบันราคาทองวิ่งไปที่ 1790 US/oz หรือประมาณ 26,000 บาท เพื่อนๆ ผมหลายๆ คนคงใจชื้นเพราะเหล่าติดดอยทองที่ราคาประมาณ 26,000-27,000 บาทซะส่วนใหญ่ แระเมื่อราคาดีดขึ้นก็จะมีคำถามว่าขายเรยดีป่าววะ? ซื้อดีไหม ? และคนนึงที่ถามผมก็คือ "กิต ซื้อทองดีไม๊ลูก เห็นคอโล่งๆ" แม่ผมเองแหละคับที่ถาม ผมก็เลยมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทองจะขึ้นต่อไหม ...? จากนั้นก็ลองมาเปิดกราฟ ใช้เทคนิคที่ได้ลองอ่านๆ จากูรูที่โพสไว้ เอามาประยุกต์ใช้ตามความเข้าใจของตัวเอง ^^

มาดูกราฟ day จะเห็นว่าราคาแตะที่ BB บน แต่ยังไม่ทะลุ ส่วน EMA 7(สีฟ้า) กับ 14(สีเขียว) ยืนเหนือเส้น EMA 75(สีส้ม) แสดงว่าราคายังมีโอกาสขึ้นอยู่ แต่จะนานแค่ไหนล่ะ ... อันนี้ไม่รู้ รู้ก็รวยแร้วเนอะ แม่นกว่าหมอดูอีก ... มาดูสัญญาณอื่นๆ กันต่อดีกว่า

ตอนแรกผมมองว่าหลังจาก EMA ตัดขึ้นแล้วจะลงต่อ ... เดาผิด ยอมรับตรงๆ T-T เนื่องจากผมเห็นราคามันดิ่งลงหนักๆ ปลายเดือนตุลา บวกกับ %K ตัดกับ %D  ที่บริเวณ 90 ผมเรยคิดว่ามันจะลงซะนี่ ที่ไหนได้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน พอทางยุโรปออกมาให้ข่าว ราคาก็พุ่งเอาๆ เป็นพันบาทอย่างที่เห็น  ... ทำให้รู้ว่า มันอยู่ที่ประสบการณ์จิงๆ ค่อยๆ ฝึกฝนกันไป


สรุปถ้าดูจากกราฟ day ผมว่าทองยังขึ้นอยู่นะ แต่จากที่เห็น มันก็อยู่ในจุดที่สูงแล้วถึงอาจจะไม่สูงสุด แต่ไงมีขึ้นก็ต้องมีลงเนอะ ทั้งนี้เนื่องจากคนที่เค้าเฝ้าคอย ติดดอยมานาน ได้ถึงจุด cut loss ของเค้า หรือถึงจุดที่บางคนขายทำกำไรรอบสั้นๆ ราคามันจึงต้องลงเป็นเรื่องปกติเนอะ ลงเท่าไหร่ ... ผมไม่รู้ ... ไว้ลองไปถาม "ริว จิตสัมผัส" แหะๆ^^

งั้นเรามาดูภาพใหญ่ขึ้นมาหน่อยดีกว่า เป็นกราฟ week ละกัน ดูว่า trend ของทอง ที่พี่ๆ น้องๆ กำลังฮิตเป็นอย่างไร ... จากกราฟ รายสัปดาห์เส้น EMA 7 กับ 14 ยังยืนเหนือเส้น 75 อันนี้ขาขึ้นชัดเจนเนอะ รวมถึงMACD ที่มีการงอตัวกลับ ทำท่าจะตัด EMA 14 ขึ้น นี่น่าสนใจ อีกทั้ง RSI อยู่ในระดับต่ำที่ 38 อันนี้ยังไปได้ต่อๆ



สุดท้ายผมมีกราฟเตือนสติสำหรับขาทอง กราฟนี้ยืมพี่ๆ กูรูเค้ามานะ จะเห็ฯได้ว่า เส้นสีดำ เป็นเส้นของราคาทองที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน ทองได้ทำ new high แร้วเนอะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าทองจะขึ้นต่อไปอีกเท่าไร แต่ที่แน่ๆ ตราบใดที่ปัญหาหนี้สินของทางฝรั่งยังไม่คลี่คลาย และแบงค์ดอลลาร์ รวมถึงค่าเงินฝั่งยุโรปยังเป็นแบงค์กงเต๊กเหมือนทุกวันนี้ จะทำให้เงินยิ่งลดมูลค่าตัวเองลงไปทุกวันๆ หรือเงินเฟ้อนั่นเอง ถ้าดูเส้น สีแดง  พี่เค้าใจดีบวกค่าเงินเฟ้อไปให้ด้วย.... แสดงว่า ทองอาจมีความเป็นไปได้ที่จะพุ่งไปถึงใกล้ๆ 2400 us โอ้วววววว ตีเป็นเงินไทย ก็คงราวๆ 35,000 บาทแหน่ะๆๆๆ แต่มีใครกล้าฟันธงป่ะล่ะคับ ว่าจะไปถึงจุดนั้นจิงๆ 


แต่สิ่งที่ผมเชื่ออย่างคือ "ประวัติศาสตร์มันมักจะซ้ำรอยเสมอ" ถ้าเราดูในปี 1980 จะเห็นว่า หลังจากที่ราคาทองวิ่งไป peak สุดๆ ที่ 850 us ละมันก็เกิดถล่มลงมา ...  หลังจากถล่มแล้วไงล่ะ ... ดูสิคับ มันนิ่งยาวๆๆๆ มา 20 ปี ... ถ้าการติดดอยครั้งนั้น ใช้เวลา 20 ปี เราคงกลายเป็นชาวเขาโดยสมบูรณ์เนอะ ^^

ฉะนั้นที่อยากฝาก ไม่ว่าจะหุ้น ทอง หรือการลงทุนทรัพย์สินอื่นๆ เป็นสิ่งที่ดีครับ ดีกว่าฝากธนาคารอย่างเดียว เพราะนั่นแสดงว่าเงินคุณในแบงค์กำลังลดมูลค่าลงในทุกๆ ปี (ปัจจุบันเงินเฟ้อแซงหน้าดอกเบี้ยธนาคารอย่างเห็นได้ชัด) แต่การลงทุน ก็คือการลงทุนครับ ย่อมมีความเสี่ยง ... แต่ความเสี่ยงคงไม่ได้อยู่ที่สินทรัพย์นั้นๆ แต่คงอยู่ที่ตัวนักลงทุนเอง ...เพราะเมื่อคุณเห็นราคามันวิ่ง คนทั่วไปแห่กันเข้ามาในตลาด นั่นแสดงว่า ราคา ณ ตอนนั้น คงไม่ถูกแล้วล่ะคับ จิงป่ะตามหลักอุปสงค์ อุปทาน ... แต่วิธีลดความเสี่ยงก็คือการศึกษา หาข้อมูล ไม่ใช่เล่นตามเหล่ากูรูบอก ... เพราะคุณคงไม่ได้ซื้อที่ราคาเท่ากูรูเหล่านั้นเป็นแน่ ถึงซื้อเท่า ก็ไม่รุขายตอนไหน ดังนั้นขอให้ทุกคนที่สนใจการลงทุน ทำตามโฆษณาที่ได้ยินกันบ่อยๆ เถอะครับ
"การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน" แล้วทุกคนจะโชคดี ^^

(ความเห็นส่วนตัวนะคับ ผิดพลาดประการใดโปรดช่วยชี้แนะ)