วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

H.W. Gold Price 16/12/11

หลังจากปัญหาหนี้ยุโรปที่มีทีท่าว่าจะไม่คลี่คลายทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าปัญหาหนี้ครั้งนี้จะบานปลายและทำให้เกิดวิกฤตไปทั่วโลก ทำให้ราคาทองผันผวนอย่างหนัก ราคาทองลงรูดวันเดียว 850 บาท จากราคาราว 25,000 บาทลงมาต่ำกว่า 24,000 บาท(ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 23,700 บาท)ผนวกกับเงินดอลล่าที่แข็งค่าขึ้นโดยมีนักวิเคราะห์บางท่านให้เหตุผลว่านักลงทุนโยกเงินไปถือพันธบัตรเพื่อความมั่นคงที่มากกว่า ...อันนี้ก็ว่ากันไป 

โดยส่วนตัวผมเหตุผลแน่ชัดที่ทำให้ราคารูดลงมา ผมว่าการเล่นทองช่วงนี้ต้องใช้ technical และกราฟเข้ามาจับ และเล่นโดยการเก็งกำไรระยะสั้นๆ มีจุด cut loss ที่ชัดเจน ไม่งั้นอาจจะเจ็บหนัก ^^ 


Day Graph: ถ้าดูจากกราฟรายวันค่อนข่างน่าสนใจ และได้แสดงสัญญาณอะไรหลายอย่าง ราคาของทองได้มีการทะลุแนวรับมาแล้วแทบจะทุกแนว(หมายเลข 1 และ 2) เรามาดูกันที่แนวรับต่อไป ถ้าราคาลงไปทดสอบที่หมายเลข 3 หรือที่ราคา 1500 usd/oz หรือราวๆ 22,400 บาท ถ้าราคาไม่หลุดลงไปต่ำกว่านี้ก็อาจจะมีการเด้งขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 usd/oz หรือราวๆ 23,840 บาท ... อันนี้บางคนอาจจะไปรอรับที่ราคาใกล้ๆ 1500 usd/oz. อาจจะซื้อตอนราคากำลังเด้งขึ้นแล้วไปขายที่ใกล้ๆ 1600 usd/oz. ก็น่าสนใจไม่น้อย



Week Graph: จากภาพราคาทองยังอยู่ในขาขึ้น เนื่องจากราคายังวิ่งอยู่เหนือเส้น 90(เส้นสีน้ำตาล) แต่ที่น่าสังเกตคือแท่งราคาล่าสุดมันรูดลงมาเยอะจิงๆ ^^ อันนี้ก็รอดูกันต่อไป ยาวๆ



Month Graph: จากภาพราคาทองยังอยู่ในขาขึ้นนะครับ แต่อย่าลืมว่า ยิ่งภาพใหญ่เท่าไหร่ สัญญาณที่แสดงให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงยิ่งต้องใช้เวลานานมากกว่าภาพเล็ก แต่ในเรื่องของความผันผวน ก็จะน้อยกว่าเช่นกัน

indicator อื่นๆ [ MacD  ที่ผมใช้จากกราฟราย day และ week ยังอยู่ต่ำกว่า 0 แสดงว่าในระยะสั้นแนวโน้มของราคาทองยังอยู่ในช่วยขาลง แต่เมื่อประกอบกับ RSI ทั้งสองกราฟอยู่ที่ราว 30-40 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ... ตอนนี้ก็คงต้องรอดูสัญญาณกันต่อไป ว่าจะมีจุดไหนที่แสดงให้เห็นการปรับตัวหรือไม่ ]

ถ้าฟังจากข่าว นักวิเคราะห์หลายๆ สำนักยังคงมั่นใจว่า ราคาทองในปี 2555 ยังมีโอกาสที่จะวิ่งขึ้นไปอีก และอาจทำราคาทะลุ high เดิมที่ 1860 usd/oz. หรือราวๆ 27,000 บาท แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องของอนาคตไม่มีใครที่คาดเดาได้แม่นยำ ... ดังนั้นที่เราควรรู้คือ  Asset ทุกอย่างมี cycle เมื่อมีขึ้นก็ต้องมีลง ทองคำก็เช่นกัน ณ ปัจจุบันทองได้ขึ้นไปมาก มากเกินคนก็แห่กันเก็งกำไร ราคาสูงขึ้นๆๆๆ พอถึงจุดๆ หนึ่งเมื่อคนเลิกเก็งกำไร หรือมี Asset อื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ราคาทองคำย่อมถูกเทขายและกลับมาอยู่ในจุดที่สะท้อนมูลค่าของมันจริงๆ ^^


ป.ล. ถึงเวลานั้น อย่าลืมตัดใจ ตัดขาดทุนด้วยล่ะ 


วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แนวคิดการลงทุนเล็กๆ สำหรับมือใหม่


เห็นหลายๆ คนพอเข้าตลาดหุ้นเมื่อถามว่าเป้าหมายคืออะไร ... คำตอบส่วนใหญ่คืออยากได้ผลตอบแทนชนะดอกเบี้ยธนาคาร หรืออย่างน้อยๆ สัก 10% ต่อปีก็ดีใจละ ... อาจเพราะยังใหม่ และไม่อยากตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป คนกว่าครึ่งรวมถึงผมด้วยคิดแบบนี้จริงๆ

มาดูกัน ณ ตอนนี้หุ้นไทยทรงตัวอยู่ 800-1000 จุด


ถ้าผมมองว่าภาพใหญ่ Asian Miracle 2 กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้ามองสัญญาณจากยุโรป อเมริกา ที่มีปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้โดยไว ไม่แปลกที่เงินลงทุนย่อมโอนย้ายถ่ายเทจากฝั่งยุโรปมาทางเอเชีย (ถ้านับจากปี 40 เป็นต้นมานี่ก็จะ 15 ปีแล้ว << Asian Miracle 1) ถ้าผมมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสทะลุ 1700 จุดหรือ high เดิมภายใน 5-10 ปีนี้ ดังนั้นก็จะมีโอกาสที่หุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาเหมาะสม ราคาอาจจะขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อวันนั้นมาถึง





สมมติผมลงทุน 100,000 บาทถือหุ้นที่ปันผลเฉลี่ย 8% แน่นอนทุกปีและลงทุนแบบทบต้น ถ้าหากไม่นับรวมการเติบโตของราคา ผมจะได้ผลตอบแทนที่ 5 ปีคือ 100,000*(1.08)^5 = 146,932 บาทหรือกำไร 46,932 บาท

และถ้าหุ้นตัวนั้นวิ่งตามดัชนีของหุ้นไทยขึ้นไป สมมติราคาเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว(จากราคา 100 บาทก็เป็น 200 บาท) จากเงินลงทุนของผม 100,000 บาทก็จะกลายเป็น 200,000 บาท เมื่อนำมาคิดรวมกับดอกเบี้ยที่ทบต้นจากเงินปันผลที่ได้จากหุ้น

สรุปแล้ว ลงทุน 5 ปี พอร์ทของผมอาจจะโตเท่ากับ 246,932 บาท ถ้าหักเงินลงทุน ก็เท่ากับว่าผมได้ผลตอบแทนปีละ 29.4%

ป.ล. ถ้าคิดเหมือนเดิมสมมติหุ้นราคาจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวใน 10 ปี ผมก็ยังได้ผลตอบแทนถึง 21.6%

* นี่เป็นเพียงแนวทางเล็กๆ ที่อยากแชร์ ประเด็นคือระยะเวลา 5 ปี คุณจะถือได้หรือป่าว ลองถือดูเล่นๆ สักปีเพื่อพิสูจน์ตนเองและสร้างความมั่นใจ ผมเชื่อว่าผลตอบแทนเบื้องต้นที่กล่าวมาอาจการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำที่น่าสนใจเลยทีเดียว ^^